แนวข้อสอบ พระราชบัญญัติจัดตั้งศาลปกครอง
และวิธีพิจารณาคดีปกครอง พ.ศ. ๒๕๔๒
1. ผู้ใดเป็นรักษาการตามพระราชบัญญัตินี้
ก. ประธานศาลปกครองสูงสุด
ข. คณะกรรมการตุลาการศาลปกครอง
ค. คณะกรรมการวินิจฉัยข้อพิพาท
ง. ตุลาการศาลปกครอง
ตอบ ก. ประธานศาลปกครองสูงสุด
มาตรา ๔ ให้ประธานศาลปกครองสูงสุดรักษาการตามพระราชบัญญัตินี้
2. ศาลปกครองแบ่งออกเป็นกี่ชั้น
ก. 8 ชั้น
ข. 6 ชั้น
ค. 4 ชั้น
ง. 2 ชั้น
ตอบ ง. 2 ชั้น
มาตรา ๗ ศาลปกครองแบ่งออกเป็นสองชั้น คือ
(๑) ศาลปกครองสูงสุด
(๒) ศาลปกครองชั้นต้น ได้แก่
(ก) ศาลปกครองกลาง
(ข) ศาลปกครองในภูมิภาค
3. ข้อใดคืออำนาจหน้าที่ของสำนักงานศาลปกครอง
ก. จัดพิมพ์และเผยแพร่คำพิพากษาหรือคำสั่งของศาลปกครองสูงสุด
ข. รับผิดชอบในงานธุรการของศาลปกครอง
ค. ดำเนินการเกี่ยวกับคดีปกครองตามคำสั่งของศาลปกครองชั้นต้น
ง. ดำเนินการบังคับให้เป็นไปตามคำบังคับของศาลปกครองกลาง
ตอบ ข. รับผิดชอบในงานธุรการของศาลปกครอง
มาตรา ๗๗ สำนักงานศาลปกครองมีอำนาจหน้าที่ ดังต่อไปนี้
(๑) รับผิดชอบในงานธุรการของศาลปกครอง
(๒) ดำเนินการเกี่ยวกับคดีปกครองตามคำสั่งของศาลปกครอง
(๓) ดำเนินการบังคับให้เป็นไปตามคำบังคับของศาลปกครอง
(๔) ศึกษาและรวบรวมข้อมูลเพื่อประโยชน์แก่การปฏิบัติงานของศาลปกครอง
(๕) วิเคราะห์เหตุแห่งการฟ้องคดีปกครองเพื่อเสนอแนะแนวทางการปรับปรุงวิธีปฏิบัติราชการต่อหน่วยงานของรัฐที่เกี่ยวข้อง
(๖) จัดพิมพ์และเผยแพร่คำพิพากษาหรือคำสั่งของศาลปกครอง
(๗) จัดให้มีการศึกษาอบรมและพัฒนาความรู้ของตุลาการศาลปกครอง ข้าราชการฝ่ายศาลปกครอง และเจ้าหน้าที่อื่นของรัฐที่เกี่ยวข้อง ตลอดจนประสานงานกับหน่วยงานอื่นที่เกี่ยวข้องเพื่อพัฒนาหลักกฎหมายมหาชน การบริหารราชการแผ่นดิน และบุคลากรด้านกฎหมายมหาชน
(๘) ปฏิบัติการอื่นตามบทบัญญัติแห่งพระราชบัญญัตินี้ หรือตามที่มีกฎหมายกำหนดให้เป็นอำนาจหน้าที่ของสำนักงานศาลปกครอง
4. คำพิพากษาหรือคำสั่งของศาลปกครอง ถ้าจะต้องกระทำโดยตุลาการปกครองหลายคนนั้นจะต้องบังคับตามความเห็นของฝ่ายข้างมาก แต่ในกรณีที่ตุลาการในศาลปกครองผู้ใดมีความเห็นแย้งให้กระทำเช่นไร
ก. ให้ประธานศาลปกครองสูงสุดมาเป็นผู้วินิจฉัย
ข. ทำการวินิจฉัยคำพิพากษาหรือคำสั่งนั้นใหม่
ค. ทำความเห็นแย้งไว้ในคำพิพากษาหรือคำสั่งนั้น
ง. ไม่มีข้อใดถูก
ตอบ ค. ทำการตัดสินคำพิพากษาหรือคำสั่งนั้นใหม่
มาตรา ๖๗ การทำคำพิพากษาหรือคำสั่งของศาลปกครองถ้าจะต้องกระทำโดยตุลาการปกครองหลายคน คำพิพากษาหรือคำสั่งนั้นจะต้องบังคับตามความเห็นของฝ่ายข้างมาก และในกรณีที่ตุลาการในศาลปกครองผู้ใดมีความเห็นแย้งให้ทำความเห็นแย้งไว้ในคำพิพากษาหรือคำสั่งนั้น
5. เจ้าหน้าที่ของรัฐหมายความว่า
ก. ข้าราชการ พนักงาน หรือผู้ที่ปฏิบัติงานในหน่วยงานทางปกครอง
ข. คณะกรรมการวินิจฉัยข้อพิพาท
ค. บุคคลที่อยู่ในบังคับบัญชาของหน่วยงานทางปกครอง
ง. ถูกทุกข้อง
ตอบ ง. ถูกทุกข้อ
มาตรา ๓ ในพระราชบัญญัตินี้
“หน่วยงานทางปกครอง” หมายความว่า กระทรวง ทบวง กรม ส่วนราชการที่เรียกชื่ออย่างอื่นและมีฐานะเป็นกรม ราชการส่วนภูมิภาค ราชการส่วนท้องถิ่น รัฐวิสาหกิจที่ตั้งขึ้นโดยพระราชบัญญัติหรือพระราชกฤษฎีกา หรือหน่วยงานอื่นของรัฐ และให้หมายความรวมถึงหน่วยงานที่ได้รับมอบหมายให้ใช้อำนาจทางปกครองหรือให้ดำเนินกิจการปกครอง
“เจ้าหน้าที่ของรัฐ” หมายความว่า
(๑) ข้าราชการ พนักงาน ลูกจ้าง คณะบุคคล หรือผู้ที่ปฏิบัติงานในหน่วยงานทางปกครอง
(๒) คณะกรรมการวินิจฉัยข้อพิพาท คณะกรรมการหรือบุคคลซึ่งมีกฎหมายให้อำนาจในการออกกฎ คำสั่ง หรือมติใดๆ ที่มีผลกระทบต่อบุคคล และ
(๓) บุคคลที่อยู่ในบังคับบัญชาหรือในกำกับดูแลของหน่วยงานทางปกครอง หรือเจ้าหน้าที่ของรัฐตาม (๑) หรือ (๒)
“คณะกรรมการวินิจฉัยข้อพิพาท” หมายความว่า คณะกรรมการที่จัดตั้งขึ้นตามกฎหมายที่มีการจัดองค์กรและวิธีพิจารณาสำหรับการวินิจฉัยชี้ขาดสิทธิและหน้าที่ตามกฎหมาย
“ตุลาการศาลปกครอง” หมายความว่า ตุลาการในศาลปกครองสูงสุด และตุลาการในศาลปกครองชั้นต้น
“ก.ศป.” หมายความว่า คณะกรรมการตุลาการศาลปกครอง
6. ข้อใดต่อไปนี้เป็นตำแหน่งของตุลาการศาลปกครอง
ก. คณะกรรมการวินิจฉัยข้อพิพาท
ข. ตุลาการศาลปกครอง
ค. ประธานศาลปกครองสูงสุด
ง. ตุลาการหัวหน้าคณะศาลปกครอง
ตอบ ค. ประธานศาลปกครองสูงสุด
มาตรา ๑๒ ในศาลปกครองสูงสุดให้มีตำแหน่งตุลาการศาลปกครอง ดังต่อไปนี้
(๑) ประธานศาลปกครองสูงสุด
(๒) รองประธานศาลปกครองสูงสุด
(๓) ตุลาการหัวหน้าคณะศาลปกครองสูงสุด
(๔) ตุลาการศาลปกครองสูงสุด
ทั้งนี้ ตามจำนวนที่ ก.ศป. กำหนดโดยได้รับความเห็นชอบจากสภาผู้แทนราษฎรและวุฒิสภา
7. ผู้รับสนองพระบรมราชโองการคือใคร
ก. นายบรรหาร ศิลปอาชา
ข. นายชวน หลีกภัย
ค. พลเอกชวลิต ยงใจยุทธ
ง. พ.ต.ท.ทักษิณ ชินวัตร
ตอบ ข. นายชวน หลีกภัย
8. ในวาระเริ่มแรกให้จัดตั้งศาลปกครองในภูมิภาค โดยที่ศาลปกครองขอนแก่นมีเขตตลอดท้องที่ในจังหวัดใด
ก. จังหวัดหนองคาย
ข. จังหวัดอุดรธานี
ค. จังหวัดกาฬสินธุ์
ง. จังหวัดเลย
ตอบ ค. จังหวัดกาฬสินธุ์
มาตรา ๙๔ ในวาระเริ่มแรก ให้จัดตั้งศาลปกครองในภูมิภาค ดังต่อไปนี้
(๑) ศาลปกครองขอนแก่น ตั้งอยู่ในจังหวัดขอนแก่น โดยมีเขตตลอดท้องที่จังหวัดขอนแก่น จังหวัดกาฬสินธุ์ และจังหววัดมหาสารคาม
(๒) ศาลปกครองชุมพร ตั้งอยู่ในจังหวัดชุมพร โดยมีเขตตลอดท้องที่จังหวัดชุมพร จังหวัดประจวบคีรีขันธ์ จังหวัดเพชรบุรี และจังหวัดระนอง
(๓) ศาลปกครองเชียงใหม่ ตั้งอยู่ในจังหวัดเชียงใหม่ โดยมีเขตตลอดท้องที่จังหวัดเชียงใหม่ จังหวัดเชียงราย จังหวัดแม่ฮ่องสอน จังหวัดลำปาง และจังหวัดลำพูน
(๔) ศาลปกครองนครราชสีมา ตั้งอยู่ในจังหวัดนครราชสีมา โดยมีเขตตลอดท้องที่จังหวัดนครราชสีมา และจังหวัดชัยภูมิ
(๕) ศาลปกครองนครศรีธรรมราช ตั้งอยู่ในจังหวัดนครศรีธรรมราช โดยมีเขตตลอดท้องที่จังหวัดนครศรีธรรมราช จังหวัดกระบี่ จังหวัดพังงา จังหวัดภูเก็ต และจังหวัดสุราษฎร์ธานี
(๖) ศาลปกครองบุรีรัมย์ ตั้งอยู่ในจังหวัดบุรีรัมย์ โดยมีเขตตลอดท้องที่จังหวัดบุรีรัมย์ และจังหวัดสุรินทร์
(๗) ศาลปกครองพิษณุโลก ตั้งอยู่ในจังหวัดพิษณุโลก โดยมีเขตตลอดท้องที่จังหวัดพิษณุโลก จังหวัดกำแพงเพชร จังหวัดตาก จังหวัดนครสวรรค์ จังหวัดพิจิตร จังหวัดเพชรบูรณ์ และจังหวัดสุโขทัย
(๘) ศาลปกครองแพร่ ตั้งอยู่ในจังหวัดแพร่ โดยมีเขตตลอดท้องที่จังหวัดแพร่ จังหวัดน่าน จังหวัดพะเยา และจังหวัดอุตรดิตถ์
(๙) ศาลปกครองยะลา ตั้งอยู่ในจังหวัดยะลา โดยมีเขตตลอดท้องที่จังหวัดยะลา จังหวัดนราธิวาส และจังหวัดปัตตานี
(๑๐) ศาลปกครองระยอง ตั้งอยู่ในจังหวัดระยอง โดยมีเขตตลอดท้องที่จังหวัดระยอง จังหวัดจันทบุรี จังหวัดฉะเชิงเทรา จังหวัดชลบุรี จังหวัดตราด จังหวัดปราจีนบุรี และจังหวัดสระแก้ว
(๑๑) ศาลปกครองลพบุรี ตั้งอยู่ในจังหวัดลพบุรี โดยมีเขตตลอดท้องที่จังหวัดลพบุรี จังหวัดนครนายก จังหวัดพระนครศรีอยุธยา จังหวัดสระบุรี จังหวัดสิงห์บุรี และจังหวัดอ่างทอง
(๑๒) ศาลปกครองสกลนคร ตั้งอยู่ในจังหวัดสกลนคร โดยมีเขตตลอดท้องที่จังหวัดสกลนคร จัหงวัดนครพนม และจังหวัดมุกดาหาร
(๑๓) ศาลปกครองสงขลา ตั้งอยู่ในจังหวัดสงขลา โดยมีเขตตลอดท้องที่จังหวัดสงขลา จังหวัดตรัง จังหวัดพัทลุง และจังหวัดสตูล
(๑๔) ศาลปกครองสุพรรณบุรี ตั้งอยู่ในจังหวัดสุพรรณบุรี โดยมีเขตตลอดท้องที่จังหวัดสุพรรณบุรี จังหวัดกาญจนบุรี จังหวัดชัยนาท และจังหวัดอุทัยธานี
(๑๕) ศาลปกครองอุดรธานี ตั้งอยู่ในจังหวัดอุดรธานี โดยมีเขตตลอดท้องที่จังหวัดจังหวัดอุดรธานี จังหวัดเลย จังหวัดหนองคาย และจังหวัดหนองบัวลำภู
(๑๖) ศาลปกครองอุบลราชธานี ตั้งอยู่ในจังหวัดอุบลราชธานี โดยมีเขตตลอดท้องที่จังหวัดอุบลราชธานี จังหวัดยโสธร จังหวัดร้อยเอ็ด จังหวัดศรีสะเกษ และจังหวัดอำนาจเจริญ
9. จังหวัดอำนาจเจริญ อยู่ในเขตท้องที่ศาลปกครองของจังหวัดใด
ก. จังหวัดอุบลราชธานี
ข. จังหวัดอุดรธานี
ค. จังหวัดขอนแก่น
ง. จังหวัดสกลนคร
ตอบ ก. จังหวัดอุบลราชธานี
ดูคำอธิบายข้อข้างต้น
10. จังหวัดใดต่อไปนี้ไม่ได้อยู่ในเขตท้องที่ศาลปกครองจังหวัดสงขลา
ก. จังหวัดยะลา
ข. จังหวัดสตูล
ค. จังหวัดพัทลุง
ง. จังหวัดตรัง
ตอบ ก. จังหวัดยะลา
ดูคำอธิบายข้อข้างต้น
11. คำพิพากษาหรือคำสั่งชี้ขาดคดีปกครองของศาลปกครองจะต้องมีสิ่งใดต่อไปนี้ระบุในคำพิพากษาหรือคำสั่งชี้ขาด
ก. ชื่อจำเลย
ข. พยานในการฟ้อง
ค. ชื่อผู้ยื่นคำฟ้อง
ง. วัน เดือน ปีที่ฟ้อง
ตอบ ค. ชื่อผู้ยื่นคำฟ้อง
มาตรา ๖๙ คำพิพากษาหรือคำสั่งชี้ขาดคดีปกครองของศาลปกครองอย่างน้อยต้องระบุ
(๑) ชื่อผู้ยื่นคำฟ้อง
(๒) หน่วยงานทางปกครองหรือเจ้าหน้าที่ของรัฐที่เป็นเหตุแห่งการฟ้องคดี
(๓) เหตุแห่งการฟ้องคดี
(๔) ข้อเท็จจริงของเรื่องที่ฟ้อง
(๕) เหตุผลแห่งคำวินิจฉัย
(๖) คำวินิจฉัยของศาลในประเด็นแห่งคดี
(๗) คำบังคับ (ถ้ามี) โดยให้ระบุหน่วยงานทางปกครองหรือเจ้าหน้าที่ของรัฐที่ต้องปฏิบัติตามคำบังคับไว้ด้วย
(๘) ข้อสังเกตเกี่ยวกับแนวทางหรือวิธีการดำเนินการให้เป็นไปตามคำพิพากษา (ถ้ามี)
คำพิพากษาหรือคำสั่งตามวรรคหนึ่งต้องลงลายมือชื่อของตุลาการศาลปกครองที่นั่งพิจารณาและพิพากษาคดีหรือมีคำสั่งนั้น ถ้าตุลาการศาลปกครองคนใดมีเหตุจำเป็นไม่สามารถลงลายมือชื่อได้ ให้อธิบดีศาลปกครองชั้นต้นหรือประธานศาลปกครองสูงสุดแล้วแต่กรณีจดแจ้งเหตุดังกล่าวไว้ในคำพิพากษาหรือคำสั่งนั้นด้วย
12. เมื่อมีการละเมิดอำนาจศาล ให้ศาลปกครองมีอำนาจสั่งลงโทษตามข้อใด
ก. จำคุกไม่เกินสองเดือน
ข. ไล่ออกจากบริเวณศาล
ค. ปรับไม่เกินหกหมื่นบาท
ง. ไม่มีข้อใดถูกต้อง
ตอบ ข. ไล่ออกจากบริเวณศาล
มาตรา ๖๔ นอกจากที่บัญญัติไว้แล้วในพระราชบัญญัตินี้ให้นำบทบัญญัติที่ถือว่าเป็นการกระทำละเมิดอำนาจศาลตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความแพ่งมาใช้บังคับโดยอนุโลม และเมื่อมีการละเมิดอำนาจศาลให้ศาลปกครองมีอำนาจสั่งลงโทษได้ ดังนี้
(๑) ตักเตือน โดยจะมีคำตำหนิเป็นลายลักษณ์อักษรด้วยหรือไม่ก็ได้
(๒) ไล่ออกจากบริเวณศาล
(๓) ลงโทษจำคุกไม่เกินหนึ่งเดือน หรือปรับไม่เกินห้าหมื่นบาท หรือทั้งจำทั้งปรับ
การสั่งลงโทษฐานละเมิดอำนาจศาลพึงใช้อย่างระมัดระวังและเท่าที่จำเป็นตามพฤติการณ์แห่งกรณี และหากเป็นการสั่งลงโทษตาม (๓) ให้องค์คณะอื่นที่มิใช่องค์คณะพิจารณาพิพากษาคดีนั้นเป็นผู้พิจารณาและสั่งลงโทษ
13. ตุลาการศาลปกครองพ้นจากตำแหน่งเมื่อ
ก. เป็นบุคคลล้มละลาย
ข. ลาออก
ค. เป็นคนไร้ความสามารถ
ง. ถูกทุกข้อ
ตอบ ง. ถูกทุกข้อ
มาตรา ๒๑ ตุลาการศาลปกครองพ้นจากตำแหน่งเมื่อ
(๑) ตาย
(๒) ลาออก
(๓) สิ้นปีงบประมาณที่ตุลาการศาลปกครองผู้นั้นมีอายุครบหกสิบห้าปีบริบูรณ์ เว้นแต่จะผ่านการประเมินสมรรถภาพให้ดำรงตำแหน่งต่อไปตาม มาตรา ๓๑
(๔) ขาดคุณสมบัติหรือมีลักษณะต้องห้ามตาม มาตรา ๑๓ มาตรา ๑๔ หรือ มาตรา ๑๘
(๕) เป็นบุคคลล้มละลาย
(๖) เป็นคนไร้ความสามารถหรือคนเสมือนไร้ความสามารถ วิกลจริต หรือจิตฟั่นเฟือนไม่สมประกอบ
(๗) เป็นโรคหรือมีกายหรือจิตใจไม่เหมาะสมที่จะเป็นตุลาการศาลปกครองตามที่ระบุไว้ในประกาศที่ ก.ศป. กำหนดโดยได้รับความเห็นชอบของที่ประชุมใหญ่ตุลาการในศาลปกครองสูงสุด
(๘) ถูกสั่งให้ออกจากราชการตาม มาตรา ๒๒
(๙) ถูกไล่ออกตาม มาตรา ๒๓
การพ้นจากตำแหน่งตามวรรคหนึ่งนอกจาก (๑) ให้นำความกราบบังคมทูลเพื่อทรงพระกรุณาโปรดเกล้าฯ ให้พ้นจากตำแหน่ง
14. ตุลาการศาลปกครองผู้ใดประสงค์จะลาออกจากราชการให้ยื่นหนังสือขอลาออก โดยบุคคลใดเป็นผู้สั่งอนุญาตให้พ้นจากตำแหน่ง
ก. ประธานศาลปกครองสูงสุด
ข. ประธานศาลปกครอง
ค. สำนักงานศาลปกครอง
ง. คณะกรรมการตุลาการศาลปกครอง
ตอบ ก. ประธานศาลปกครองสูงสุด
มาตรา ๒๖ ตุลาการศาลปกครองผู้ใดประสงค์จะลาออกจากราชการให้ยื่นหนังสือขอลาออก เมื่อประธานศาลปกครองสูงสุดสั่งอนุญาตแล้วให้ถือว่าพ้นจากตำแหน่ง
ในกรณีที่ตุลาการศาลปกครองลาออกเพื่อดำรงตำแหน่งที่กำหนดโดยรัฐธรรมนูญตำแหน่งทางการเมือง หรือเพื่อสมัครรับเลือกตั้งให้การลาออกมีผลตั้งแต่วันที่ผู้นั้นลาออก
นอกจากกรณีตามวรรคสอง ถ้าประธานศาลปกครองสูงสุดเห็นว่าจำเป็นเพื่อประโยชน์แก่ทางราชการจะยับยี้งการอนุญาตให้ลาออกไว้เป็นลาไม่เกินสามเดือนนับแต่วันที่ขอลาออก็ได้
15. คำฟ้องจะต้องใช้ถ้อยคำสุภาพและต้องมีสิ่งใดต่อไปนี้
ก. ชื่อและที่อยู่ของจำเลย
ข. ชื่อและที่อยู่ของพยานจำเลย
ค. ชื่อและที่อยู่ของผู้ฟ้องคดี
ง. ชื่อและที่อยู่ของพยานผู้ฟ้องคดี
ตอบ ค. ชื่อและที่อยู่ของผู้ฟ้องคดี
มาตรา ๔๕ คำฟ้องให้ใช้ถ้อยคำสุภาพและต้องมี
(๑) ชื่อและที่อยู่ของผู้ฟ้องคดด
(๒) ชื่อหน่วยงานทางปกครองหรือเจ้าหน้าที่ของรัฐที่เกี่ยวข้องอันเป็นเหตุแห่งการฟ้องคดี
(๓) การกระทำทั้งหลายที่เป็นเหตุแห่งการฟ้องคดี พร้อมทั้งข้อเท็จจริงหรือพฤติการณ์ตามสมควรเกี่ยวกับการกระทำดังกล่าว
(๔) คำขอของผู้ฟ้องคดี
(๕) ลายมือชื่อของผู้ฟ้องคดี ถ้าเป็นการยื่นฟ้องคดีแทนผู้อื่นจะต้องแนบใบมอบฉันทะให้ฟ้องคดีมาด้วย
คำฟ้องใดมีรายการไม่ครบตามวรรคหนึ่ง หรือไม่ชัดเจน หรือไม่อาจเข้าใจได้ให้สำนักงานศาลปกครองให้คำแนะนำแก่ผู้ฟ้องคดีเพื่อดำเนินการแก้ไขเพิ่มเติมคำฟ้องนั้นให้ถูกต้อง ในการนี้ให้ถือวันที่ยื่นฟ้องครั้งแรกเป็นหลักในการนับอายุความ
ในกรณีที่มีผู้ประสงค์จะฟ้องคดีปกครองหลายคนในเหตุเดียวกัน บุคคลเหล่านั้นอาจยื่นคำฟ้องร่วมกันเป็นฉบับเดียว โดยจะมอบหมายให้ผู้ฟ้องคดีคนใดเป็นผู้แทนของผู้ฟ้องคดีทุกคนในการดำเนินคดีต่อไปก็ได้ ในกรณีเช่นว่านี้ให้ถือว่าการกระทำของผู้แทนผู้ฟ้องคดีในกระบวนพิจารณาผูกพันผู้ฟ้องคดีทุกคน
16. ถ้ามีคำพิพากษาหรือคำสั่งอันเป็นที่สุดของศาลปกครองต่างชั้นกันในประเด็นแห่งคดีอย่างเดียวกัน ขัดหรือแย้งกันให้ถือตามคำพิพากษาหรือคำสั่งในข้อใด
ก. ให้ถือตามคำพิพากษาหรือคำสั่งของศาลปกครองกลาง
ข. ให้ถือตามคำพิพากษาหรือคำสั่งของคณะกรรมการตุลาการศาลปกครอง
ค. ให้ถือตามคำพิพากษาหรือคำสั่งของศาลปกครองสูงสุด
ง. ให้ถือตามคำพิพากษาหรือคำสั่งของสำนักงานศาลปกครอง
ตอบ ค. ให้ถือตามคำพิพากษาหรือคำสั่งของศาลปกครองสูงสุด
มาตรา ๗๔ เมื่อมีคำพิพากษาหรือคำสั่งอันเป็นที่สุดของศาลปกครองต่างชั้นกันในประเด็นแห่งคดีอย่างเดียวกัน ขัดหรือแย้งกันให้ถือตามคำพิพากษาหรือคำสั่งของศาลปกครองสูงสุด
ถ้าคำพิพากษาหรือคำสั่งอันเป็นที่สุดของศาลปกครองชั้นต้นด้วยกันมีการขัดหรือแย้งกันในประเด็นแห่งคดีอย่างเดียวกัน คู่กรณีหรือบุคคลภายนอกผู้มีส่วนได้เสียจะยื่นคำร้องขอต่อศาลปกครองสูงสุดเพื่อให้มีคำสั่งกำหนดว่าจะให้ถือตามคำพิพากษาหรือคำสั่งใด คำสั่งของศาลปกครองสูงสุดเช่นว่านี้ให้เป็นที่สุด
17. ก.ศป. จัดให้มีการประเมินสมรรถภาพในการปฏิบัติหน้าที่ของตุลาการศาลปกครองเมื่อใด
ก. มีอายุครบหกสิบปีห้าบริบูรณ์ในปีงบประมาณนั้น
ข. มีอายุครบหกสิบห้าปีบริบูรณ์ในปีงบประมาณถัดไป
ค. มีอายุครบเจ็ดสิบห้าปีบริบูรณ์ในปีงบประมาณนั้น
ง. มีอายุครบเจ็ดสิบห้าปีบริบูรณ์ในปีงบประมาณถัดไป
ตอบ ข. มีอายุครบหกสิบห้าปีบริบูรณ์ในปีงบประมาณถัดไป
มาตรา ๓๑ ให้ ก.ศป. จัดให้มีการประเมินสมรรถภาพในการปฏิบัติหน้าที่ของตุลาการปกครองที่จะมีอายุครบหกสิบห้าปีบริบูรณ์ในปีงบประมาณถัดไป
หลักเกณฑ์และวิธีการประเมินสมรรถภาพในการปฏิบัติหน้าที่ตามวรรคหนึ่ง ให้เป็นไปตามระเบียบที่ ก.ศป. กำหนดโดยความเห็นชอบของที่ประชุมใหญ่ตุลาการในศาลปกครองสูงสุด
ตุลาการศาลปกครองซึ่งผ่านการประเมินสมรรถภาพตามวรรคหนึ่ง ให้ดำรงตำแหน่งต่อไปได้จนถึงวันสิ้นปีงบประมาณที่ผู้นั้นมีอายุครบเจ็ดสิบปีบริบูรณ์
18. ศาลปกครองมีอำนาจพิจารณาพิพากษาหรือมีคำสั่งในเรื่องใดต่อไปนี้
ก. คดีพิพาทเกี่ยวกับสัญญาทางปกครอง
ข. คดีพิพาทเกี่ยวกับการกระทำละเมิดของหน่วยงานทางปกครอง
ค. คดีพิพาทเกี่ยวกับการที่หน่วยงานปกครองละเลยหน้าที่
ง. ถูกทุกข้อ
ตอบ ง. ถูกทุกข้อ
มาตรา ๙ ศาลปกครองมีอำนาจพิจารณาพิพากษาหรือมีคำสั่งในเรื่องดังต่อไปนี้
(๑) คดีพิพาทเกี่ยวกับการที่หน่วยงานทางปกครองหรือเจ้าหน้าที่ของรัฐกระทำการโดยไม่ชอบด้วยกฎหมาย ไม่ว่าจะเป็นการออกกฎ คำสั่งหรือการกระทำอื่นใดเนื่องจากกระทำโดยไม่มีอำนาจหรือนอกเหนืออำนาจหน้าที่หรือไม่ถูกต้องตามกฎหมาย หรือโดยไม่ถูกต้องตามรูปแบบขั้นตอน หรือวิธีการอันเป็นสาระสำคัญที่กำหนดไว้สำหรับการกระทำนั้น หรือโดยไม่สุจริต หรือมีลักษณะเป็นการเลือกปฏิบัติที่ไม่เป็นธรรม หรือมีลักษณะเป็นการสร้างขั้นตอนโดยไม่จำเป็น หรือสร้างภาระให้เกิดกับประชาชนเกินสมควร หรือเป็นการใช้ดุลพินิจโดยมิชอบ
(๒) คดีพิพาทเกี่ยวกับการที่หน่วยงานทางการปกครองหรือเจ้าหน้าที่ของรัฐละเลยต่อหน้าที่ตามที่กฎหมายกำหนดให้ต้องปฏิบัติ หรือปฏิบัติหน้าที่ดังกล่าวล่าช้าเกินสมควร
(๓) คดีพิพาทเกี่ยวกับการกระทำละเมิดหรือความรับผิดชอบอย่างอื่นของหน่วยงานทางปกครองหรือเจ้าหน้าที่ของรัฐอันเกินจากการใช้อำนาจตามกฎหมาย หรือจากกฎ คำสั่งทางปกครอง หรือคำสั่งอื่น หรือจากการละเลยต่อหน้าที่ตามที่กฎหมายกำหนดให้ต้องปฏิบัติ หรือปฏิบัติหน้าที่ดังกล่าวล่าช้าเกินสมควร
(๔) คดีพิพาทเกี่ยวกับสัญญาทางปกครอง
(๕) คดีที่มีกฎหมายกำหนดให้หน่วยงานทางปกครองหรือเจ้าหน้าที่ของรัฐฟ้องคดีต่อศาลเพื่อบังคับให้บุคคลต้องกระทำหรือละเว้นกระทำอย่างหนึ่งอย่างใด
(๖) คดีพิพาทเกี่ยวกับเรื่องที่มีกฎหมายกำหนดให้อยู่ในเขตอำนาจศาลปกครองเรื่องดังต่อไปนี้ไม่อยู่ในอำนาจศาลปกครอง
(ก) การดำเนินการเกี่ยวกับวินัยทหาร
(ข) การดำเนินการของคณะกรรมการตุลาการตามกฎหมายว่าด้วยระเบียบข้าราชการฝ่ายตุลาการ
(ค) คดีที่อยู่ในอำนาจของศาลเยาวชนและครอบครัว ศาลแรงงาน ศาลภาษีอากร ศาลทรัพย์สินทางปัญญาและการค้าระหว่างประเทศ ศาลล้มละลาย หรือศาลชำนัญพิเศษอื่น
19. การยื่นคำฟ้องต่อพนักงานเจ้าหน้าที่ของศาลปกครอง นอกจากจะยื่นคำฟ้องที่ศาลได้โดยตรงแล้วสามารถยื่นคำฟ้องได้โดยทางใด
ก. แฟกซ์
ข. อีเมล์
ค. ไปรษณีย์
ง. ถูกทุกข้อ
ตอบ ค. ไปรษณีย์
มาตรา ๔๖ คำฟ้องให้ยื่นต่อพนักงานเจ้าหน้าที่ของศาลปกครอง ในการนี้อาจยื่นคำฟ้องโดยส่งทางไปรษณีย์ลงทะเบียนก็ได้ และเพื่อประโยชน์ในการนับอายุความให้ถือว่าวันที่ส่งคำฟ้องแก่เจ้าพนักงานไปรษณีย์เป็นวันที่ยื่นคำฟ้องต่อศาลปกครอง
20. กรรมการตุลาการศาลปกครองให้ดำรงตำแหน่งคราวละกี่ปี
ก. หนึ่งปี
ข. สองปี
ค. สามปี
ง. สี่ปี
ตอบ ข. สองปี
มาตรา ๓๙ กรรมการตุลาการศาลปกครองตาม มาตรา ๓๕ วรรคหนึ่ง (๑) และ (๒) ให้อยู่ในตำแหน่งคราวละสองปีโดยอาจได้รับเลือกใหม่ได้อีก แต่จะดำรงตำแหน่งติดต่อกันเกินสองวาระไม่ได้
ถ้าตำแหน่งว่างลงก่อนครบวาระให้ดำเนินการเพื่อให้มีการเลือกซ่อมภายในหกสิบวันนับแต่วันที่ตำแหน่งว่างลง เว้นแต่วาระการอยู่ในตำแหน่งของกรรมการผู้นั้นจะเหลือไม่ถึงเก้าสิบวันจะไม่ดำเนินการเลือกซ่อมก็ได้
กรรมการตุลาการศาลปกครองซึ่งได้รับเลือกซ่อมให้อยู่ในตำแหน่งเท่ากับวาระที่เหลืออยู่ของผู้ซึ่งตนแทน
21. บุคคลใดต่อไปนี้อยู่ในคณะกรรมการข้าราชการฝ่ายศาลปกครอง
ก. ประธานศาลปกครองสูงสุด
ข. อธิบดีศาลปกครองกลาง
ค. เลขาธิการสำนักงานศาลปกครอง
ง. ถูกทุกข้อ
ตอบ ง. ถูกทุกข้อ
มาตรา ๘๑ ให้มีคณะกรรมการคณะหนึ่ง เรียกว่า “คณะกรรมการข้าราชการฝ่ายศาลปกครอง” ประกอบด้วย ประธานศาลปกครองสูงสุดเป็นประธาน รองประธานศาลปกครองสูงสุดที่หนึ่ง อธิบดีศาลปกครองกลาง เลขาธิการสำนักงานศาลปกครอง ข้าราชการฝ่ายศาลปกครองในระดับไม่ต่ำกว่าตำแหน่งที่ ก.ศป. กำหนดจำนวนสามคน ซึ่งได้รับเลือกจากข้าราชการฝ่ายศาลปกครองด้วยกันตามวิธีการที่ ก.ศป. ประกาศกำหนด โดยความเห็นชอบของที่ประชุมใหญ่ตุลาการในศาลปกครองสูงสุด เลขาธิการคณะกรรมการกฤษฎีกา และเลขาธิการคณะกรรมการข้าราชการพลเรือกเป็นกรรมการ
ให้เลขาธิการสำนักงานศาลปกครองแต่งตั้งข้าราชการฝ่ายศาลปกครองเป็นเลขานุการ และผู้ช่วยเลขานุการ
22. การฟ้องคดีปกครองจะต้องยื่นฟ้องภายในกี่วัน
ก. สามสิบวัน
ข. หกสิบวัน
ค. เก้าสิบวัน
ง. หนึ่งร้อยยี่สิบวัน
ตอบ ค. เก้าสิบวัน
มาตรา ๔๙ การฟ้องคดีปกครองจะต้องยื่นฟ้องภายในเก้าสิบวันนับแต่วันที่รู้หรือควรรู้ถึงเหตุแห่งการฟ้องคดี หรือนับแต่วันที่พ้นกำหนดเก้าสิบวันนับแต่วันที่ผู้ฟ้องคดีได้มีหนังสือร้องขอต่อหน่วยงานทางปกครองหรือเจ้าหน้าที่ของรัฐเพื่อให้ปฏิบัติหน้าที่ตามที่กฎหมายกำหนดและไม่ได้รับหนังสือชี้แจงจากหน่วยงานทางปกครอง หรือเจ้าหน้าที่ของรัฐหรือได้รับแต่เป็นคำชี้แจงที่ผู้ฟ้องคดีเห็นว่าไม่มีเหตุผล แล้วแต่กรณี เว้นแต่จะมีบทกฎหมายเฉพาะกำหนดไว้เป็นอย่างอื่น
23. ศาลปกครองชั้นต้นแต่ละศาล ให้มีตำแหน่งตุลาการศาลปกครองในข้อใด
ก. อธิบดีศาลปกครองสูงสุด
ข. อธิบดีศาลปกครองชั้นต้น
ค. ตุลาการหัวหน้าคณะศาลปกครอง
ง. ตุลาการศาลปกครอง
ตอบ ข. อธิบดีศาลปกครองชั้นต้น
มาตรา ๑๗ ในศาลปกครองชั้นต้นแต่ละศาล ให้มีตำแหน่งตุลาการศาลปกครอง ดังต่อไปนี้
(๑) อธิบดีศาลปกครองชั้นต้น
(๒) รองอธิบดีศาลปกครองชั้นต้น
(๓) ตุลาการหัวหน้าคณะศาลปกครองชั้นต้น
(๔) ตุลาการศาลปกครองชั้นต้น
ทั้งนี้ ตามจำนวนที่ ก.ศป. กำหนดโดยได้รับความเห็นชอบจากสภาผู้แทนราษฎรและวุฒิสภา
24. เลขาธิการสำนักงานศาลปกครองเป็นข้าราชการฝ่ายศาลปกครอง โดยขึ้นตรงต่อบุคคลใด
ก. ประธานศาลปกครองสูงสุด
ข. ประธานศาลปกครองชั้นต้น
ค. ประธานศาลปกครองกลาง
ง. ประธานศาลปกครองในภูมิภาค
ตอบ ก. ประธานศาลปกครองสูงสุด
มาตรา ๗๘ ให้มีเลขาธิการสำนักงานศาลปกครองเป็นข้าราชการฝ่ายศาลปกครองขึ้นตรงต่อประธานศาลปกครองสูงสุดมีหน้าที่ควบคุมดูแลโดยทั่วไป ซึ่งราชการของสำนักงานศาลปกครองและเป็นผู้บังคับบัญชาข้าราชการในสำนักงานศาลปกครอง โดยมีรองเลขาธิการสำนักงานศาลปกครองเป็นผู้ช่วยสั่งและปฏิบัติราชการ
การแต่งตั้งเลขาธิการสำนักงานศาลปกครอง ให้ประธานศาลปกครองสูงสุดคัดเลือกบุคคลที่เหมาะสมจะดำรงตำแหน่งโดยความเห็นชอบของ ก.ศป. เสนอต่อนายกรัฐมนตรี และให้นายกรัฐมนตรีนำความกราบบังคมทูลเพื่อทรงพระกรุณาโปรดเกล้าฯ แต่งตั้งต่อไป
25. ศาลปกครองสูงสุดต้องมีตุลาการในศาลปกครองสูงสุดอย่างน้อยกี่คนจึงจะเป็นองค์คณะพิจารณาพิพากษา
ก. สิบเอ็ดคน
ข. เก้าคน
ค. เจ็ดคน
ง. ห้าคน
ตอบ ง. ห้าคน
มาตรา ๕๔ ศาลปกครองสูงสุดต้องมีตุลาการในศาลปกครองสูงสุดอย่างน้อยห้าคนจึงจะเป็นองค์คณะพิจารณาพิพากษา
ศาลปกครองชั้นต้นต้องมีตุลาการในศาลปกครองชั้นต้นอย่างน้อยสามคนจึงจะเป็นองค์คณะพิจารณาพิพากษา
26. คณะกรรมการข้าราชการฝ่ายศาลปกครองมีอำนาจออกระเบียบหรือประกาศในข้อใดต่อไปนี้
ก. การรักษาการในตำแหน่งข้าราชการฝ่ายศาลปกครองสูงสุด
ข. การกำหนดวันเวลาทำงาน การลาหยุดราชการของข้าราชการฝ่ายปกครองชั้นต้น
ค. การกำหนดเครื่องแบบและการแต่งกายของข้าราชการฝ่ายศาลปกครอง
ง. การกำหนดคุณสมบัติ การคัดเลือก การบรรจุของสำนักงานศาลปกครอง
ตอบ ค. การกำหนเครื่องแบบและการแต่งกายของข้าราชการฝ่ายศาลปกครอง
มาตรา ๘๔ ให้คณะกรรมการข้าราชการฝ่ายศาลปกครองมีอำนาจออกระเบียบหรือประกาศเกี่ยวกับการบริหารงานทั่วไป การบริหารงานบุคคล การงบประมาณ การเงิน และทรัพย์สินและการดำเนินการอื่นของสำนักงานศาลปกครองโดยเฉพาะในเรื่อง ดังต่อไปนี้
(๑) การแบ่งส่วนราชการภายในของสำนักงานศาลปกครองและอำนาจหน้าที่ของส่วนราชการดังกล่าว
(๒) การกำหนดคุณสมบัติ การคัดเลือก การบรรจุ การแต่งตั้ง การทดลองปฏิบัติหน้าที่ราชการ การย้าย การเลื่อนตำแหน่ง การพ้นจากตำแหน่ง การเลื่อนขั้นเงินเดือน การออกจากราชการ การสั่งพักราชการ การสั่งให้ออกจากราชการไว้ก่อน วินัย การสอบสวนและการลงโทษทางวินัย การร้องทุกข์ และการอุทธรณ์การลงโทษสำหรับข้าราชการฝ่ายศาลปกครอง
(๓) การรักษาราชการแทนและการปฏิบัติราชการแทนในตำแหน่งของข้าราชการฝ่ายศาลปกครอง
(๔) การกำหนดวันเวลาทำงาน วันหยุดราชการตามประเพณี วันหยุดราชการประจำปี และการลาหยุดราชการของข้าราชการฝ่ายศาลปกครอง
(๕) การกำหนดเครื่องแบบและการแต่งกายของข้าราชการฝ่ายศาลปกครอง
(๖) การจ้างและการแต่งตั้งบุคคลเพื่อเป็นผู้เชี่ยวชาญหรือเป็นผู้ชำนาญการเฉพาะด้านอันจะเป็นประโยชน์ต่อการปฏิบัติหน้าที่ของศาลปกครอง รวมทั้งอัตราค่าตอบแทนการจ้างด้วย
(๗) การแต่งตั้งบุคคลหรือคณะบุคคลเพื่อดำเนินกิจการใดๆ ตามแต่จะมอบหมาย
(๘) การบริหารจัดการงบประมาณและการพัสดุของสำนักงานศาลปกครอง
(๙) การจัดสวัสดิการหรือการสงเคราะห์อื่นแก่ข้าราชการฝ่ายศาลปกครอง
(๑๐) การรักษาทะเบียนประวัติและควบคุมการเกษียณอายุของข้าราชการฝ่ายศาลปกครอง
(๑๑) การกำหนดวิธีการและเงื่อนไขในการจ้างลูกจ้างสำนักงานศาลปกครองรวมทั้งการกำหนดเครื่องแบบและการแต่งกาย การกำหนดวันเวลาทำงาน วันหยุดราชการตามประเพณี วันหยุดราชการประจำปี การลาหยุดราชการ และการจัดสวัสดิการหรือการสงเคราะห์อื่นของลูกจ้างสำนักงานศาลปกครอง
(๑๒) การกำหนดกิจการอื่นที่อยู่ในอำนาจและหน้าที่ของคณะกรรมการข้าราชการฝ่ายศาลปกครอง
ระเบียบหรือประกาศตามวรรคหนึ่ง ให้ประธานกรรมการข้าราชการฝ่ายศาลปกครองเป็นผู้ลงนามและเมื่อได้ประกาศในราชกิจจานุเบกษาแล้วให้ใช้บังคับได้
27. กฎ หมายความว่า
ก. พระราชกฤษฎีกา
ข. กฎกระทรวง
ค. ประกาศกระทรวง
ง. ถูกทุกข้อ
ตอบ ง. ถูกทุกข้อ
มาตรา ๓ ในพระราชบัญญัติ
“กฎ” หมายความว่า พระราชกฤษฎีกา กฎกระทรวง ประกาศกระทรวง ข้อบัญญัติท้องถิ่น ระเบียบ ข้อบังคับ หรือบทบัญญัติอื่นที่มีผลบังคับเป็นการทั่วไป โดยไม่มุ่งหมายให้ใช้บังคับแก่กรณีใดหรือบุคคลใดเป็นการเฉพาะ
“สัญญาทางปกครอง” หมายความรวมถึง สัญญาที่คู่สัญญาอย่างน้อยฝ่ายใดฝ่ายหนึ่งเป็นหน่วยงานทางปกครองหรือเป็นบุคคลซึ่งกระทำการแทนรัฐ และมีลักษณะเป็นสัญญาสัมปทาน สัญญาที่ให้จัดทำบริการสาธารณะ หรือจัดให้มีสิ่งสาธารณูปโภคหรือแสวงประโยชน์จากทรัพยากรธรรมชาติ
28. กรรมการข้าราชการฝ่ายศาลปกครองที่ได้รับเลือกจากข้าราชการฝ่ายศาลปกครองให้ดำรงตำแหน่งอยู่คราวละกี่ปี
ก. หนึ่งปี
ข. สองปี
ค. สามปี
ง. สี่ปี
ตอบ ข. สองปี
มาตรา ๘๒ กรรมการข้าราชการฝ่ายศาลปกครองที่ได้รับเลือกจากข้าราชการฝ่ายศาลปกครองให้อยู่ในตำแหน่งคราวละสองปีและอาจได้รับเลือกใหม่ได้ แต่จะอยู่ในตำแหน่งเกินสองวาระติดต่อกันมิได้
ถ้าตำแหน่งว่างลงก่อนครบวาระให้ดำเนินการเลือกซ่อมภายในหกสิบวันนับแต่วันที่ตำแหน่งว่างลง เว้นแต่วาระการอยู่ในตำแหน่งของกรรมการผู้นั้นจะเหลือไม่ถึงเก้าสิบวันจะไม่ดำเนินการเลือกซ่อมก็ได้
กรรมการข้าราชการฝ่ายศาลปกครองซึ่งได้รับเลือกซ่อมให้อยู่ในตำแหน่งเท่ากับวาระที่เหลืออยู่ของผู้ซึ่งตนแทน
29. บุคคลใดเป็นผู้จัดทำรายงานการปฏิบัติงานของศาลปกครองและของสำนักงานศาลปกครองเสนอต่อคณะรัฐมนตรี สภาผู้แทนราษฎร และวุฒิสภา
ก. สำนักงานศาลปกครอง
ข. คณะกรรมการตุลาการศาลปกครอง
ค. ศาลปกครองสูงสุด
ง. ตุลาการศาลปกครอง
ตอบ ก. สำนักงานศาลปกครอง
มาตรา ๙๓ ให้สำนักงานศาลปกครองจัดทำรายงานการปฏิบัติงานของศาลปกครองและของสำนักงานศาลปกครองเสนอต่อคณะรัฐมนตรี สภาผู้แทนราษฎร และวุฒิสภาปีละหนึ่งครั้ง
30. การนั่งพิจารณาคดีจะต้องกระทำโดยเปิดเผย แต่ในกรณีที่ศาลปกครองจะสั่งไม่ให้เปิดเผยจะมีคำสั่งใด
ก. สามารถออกโฆษณาข้อเท็จจริงหรือพฤติการณ์ต่างๆ
ข. ห้ามมิให้ออกโฆษณาข้อเท็จจริงหรือพฤติการณ์ต่างๆ
ค. ห้ามมิให้มีการถ่ายทอดการพิจารณาคดี
ง. สามารถเข้าฟังการพิจารณาคดีได้บางส่วน
ตอบ ข. ห้ามมิให้ออกโฆษณาข้อเท็จจริงหรือพฤติการณ์ต่างๆ
มาตรา ๖๐ การนั่งพิจารณาคดีจะต้องกระทำโดยเปิดเผย
ในคดีเรื่องใดเพื่อรักษาความสงบเรียบร้อยหรือศีลธรรมอันดี หรือเพื่อคุ้มครองประโยชน์สาธารณะ ถ้าศาลปกครองเห็นสมควรจะห้ามมิให้มีการเปิดเผยข้อเท็จจริง หรือพฤติการณ์ต่างๆ ทั้งหมดหรือแต่บางส่วนแห่งคดี ซึ่งปรากฎจากคำคู่ความหรือคำแถลงของคู่กรณี หรือคำพยานหลักฐานที่ได้สืบมาแล้ว ศาลปกครองจะมีคำสั่งดังต่อไปนี้ก็ได้
(๑) ห้ามประชาชนมิให้เข้าฟังการพิจารณาทั้งหมดหรือบางส่วน แล้วดำเนินการพิจารณาไปโดยไม่เปิดเผย หรือ
(๒) ห้ามมิให้ออกโฆษณาข้อเท็จจริงหรือพฤติการณ์ต่างๆ เช่นว่านั้น
ไม่ว่าศาลปกครองจะได้มีคำสั่งตามวรรคสองหรือไม่ มิให้ถือว่าการโฆษณาทั้งหมดหรือแต่บางส่วนแห่งคำพิพากษา หรือย่อเรื่องแห่งคำพิพากษาโดยเป็นกลางและถูกต้องเป็นการผิดกฎหมาย เว้นแต่ในกรณีที่ศาลเห็นสมควรเพื่อประโยชน์ในการรักษาความสงบเรียบร้อย หรือศีลธรรมอันดีหรือเพื่อคุ้มครองประโยชน์สาธารณะ จะห้ามมิให้มีการเปิดเผยข้อความทั้งหมดหรือบางส่วนแห่งคำพิพากษานั้นก็ได้
31. คุณสมบัติของตุลาการในศาลปกครองสูงสุดคือข้อใด
ก. มีอายุไม่ต่ำกว่าสี่สิบปี
ข. เป็นผู้ทรงคุณวุฒิในสาขาวิทยาศาสตร์
ค. เคยเป็นผู้สอนวิชาในสาขานิติศาสตร์ในสถาบันอุดมศึกษา
ง. เคยเป็นผู้ประกอบวิชาชีพทนายความไม่น้อยกว่าสิบปี
ตอบ ค. เคยเป็นผู้สอนวิชาในสาขานิติศาสตร์ในสถาบันอุดมศึกษา
มาตรา ๑๓ ผู้ที่จะได้รับแต่งตั้งเป็นตุลาการในศาลปกครองสูงสุดต้องมีคุณสมบัติ ดังต่อไปนี้
(๑) มีสัญชาติไทย
(๒) มีอายุไม่ต่ำกว่าสี่สิบห้าปี
(๓) เป็นผู้ทรงคุณวุฒิในสาขานิติศาสตร์ รัฐศาสตร์ รัฐประศาสนศาสตร์ เศรษฐศาสตร์ สังคมศาสตร์ หรือในการบริหารราชการแผ่นดิน ทั้งนี้ ตามหลักเกณฑ์ ที่ ก.ศป. กำหนด และ
(๔) มีคุณสมบัติอื่นอย่างหนึ่งอย่างใด ดังต่อไปนี้
(ก) เป็นหรือเคยเป็นกรรมการร่างกฎหมาย กรรมการวินิจฉัยร้องทุกข์ หรือกรรมการกฤษฎีกา
(ข) รับราชการหรือเคยรับราชการในตำแหน่งไม่ต่ำกว่าตุลาการหัวหน้าคณะศาลปกครองชั้นต้น
(ค) รับราชการหรือเคยรับราชการในตำแหน่งไม่ต่ำกว่าผู้พิพากษาศาลฎีกาหรือเทียบเท่าหรือตุลาการพระธรรมนูญศาลทหารสูงสุด
(ง) รับราชการหรือเคยรับราชการในตำแหน่งไม่ต่ำกว่าอัยการพิเศษประจำเขตหรือเทียบเท่า
(จ) รับราชการหรือเคยรับราชการในตำแหน่งไม่ต่ำกว่าอธิบดีหรือเทียบเท่าหรือตำแหน่งอื่นในหน่วยงานของรัฐที่เทียบเท่าตามที่ ก.ศป. ประกาศกำหนด
(ฉ) เป็นหรือเคยเป็นผู้สอนวิชาในสาขานิติศาสตร์ รัฐศาสตร์ รัฐประศาสนศาสตร์ เศรษฐศาสตร์ สังคมศาสตร์ หรือวิชาที่เกี่ยวกับการบริหารราชการแผ่นดินในสถาบันอุดมศึกษา และดำรงตำแหน่งหรือเคยดำรงตำแหน่งศาสตราจารย์หรือศาสตราจารย์พิเศษ
(ช) เป็นหรือเคยเป็นผู้ประกอบวิชาชีพทนายความไม่น้อยกว่ายี่สิบปี และมีประสบการณ์ในคดีปกครองตามหลักเกณฑ์ที่ ก.ศป. ประกาศกำหนด
32. ผู้ที่จะได้รับแต่งตั้งเป็นตุลาการจะต้องเป็นผู้ทรงคุณวุฒิในสาขาใด
ก. นิติศาสตร์
ข. เศรษฐศาสตร์
ค. รัฐประศาสนศาสตร์
ง. ถูกทุกข้อ
ตอบ ง. ถูกทุกข้อ
ดูคำอธิบายข้อข้างต้น
33. ให้จัดตั้งศาลปกครองขึ้นมีที่ตั้งในกรุงเทพมหานครหรอในจังหวัดใกล้เคียงในข้อใดต่อไปนี้
ก. จังหวัดนครปฐม
ข. จังหวัดนนทบุรี
ค. จังหวัดปทุมธานี
ง. ถูกทุกข้อ
ตอบ ง. ถูกทุกข้อ
มาตรา ๘ ให้จัดตั้งศาลปกครองสูงสุดขึ้นมีที่ตั้งในกรุงเทพมหานครหรือในจังหวัดใกล้เคียง
ให้จัดตั้งศาลปกครองกลางขึ้นมีที่ตั้งในกรุงเทพมหานครหรือในจังหวัดใกล้เคียง โดยมีเขตตลอดท้องที่กรุงเทพมหานคร จังหวัดนครปฐม จังหวัดนนทบุรี จังหวัดปทุมธานี จังหวัดราชบุรี จังหวัดสมุทรปราการ จังหวัดสมุทรสงคราม และจังหวัดสมุทรสาคร
ในระหว่างที่ศาลปกครองในภูมิภาคยังมิได้มีเขตอำนาจในท้องที่ใด ให้ศาลปกคองกลางมีเขตอำนาจในท้องที่นั้นด้วย
บรรดาคดีที่เกิดขึ้นนอกเขตอำนาจศาลปกครองตามวรรคสองและวรรคสามจะยื่นฟ้องต่อศาลปกครองกลางก็ได้ ทั้งนี้ ให้อยู่ในดุลพินิจของศาลนั้นที่จะไม่รับพิจารณาพิพากษาคดีที่ยื่นฟ้องเช่นนั้นได้ เว้นแต่คดีที่โอนมาตามหลักเกณฑ์ของการพิจารณาคดีปกครอง
การจัดตั้งและการกำหนดเขตอำนาจของศาลปกครองในภูมิภาค ให้กระทำโดยพระราชบัญญัติ โดยคำนึงถึงปริมาณคดีและการบริหารบุคลากรของศาลปกครอง โดยจะกำหนดให้เขตอำนาจศาลปกครองในภูมิภาคครอบคลุมเขตการปกครองหลายจังหวัดได้
ศาลปกครองสูงสุด ศาลปกครองกลาง และศาลปกครองในภูมิภาค จะเปิดทำการเมื่อให้ประธานศาลปกครองสูงสุดประกาศในราชกิจจานุเบกษา กำหนดวันเปิดทำการของศาลปกครอง
34. ศาลปกครองสูงสุด ศาลปกครองกลาง และศาลปกครองในภูมิภาค จะเปิดทำการเมื่อใด
ก. ประธานศาลปกครองสูงสุดประกาศในราชกิจจานุเบกษา
ข. ประธานศาลปกครองกลางประกาศในราชกิจจานุเบกษา
ค. ประธานศาลปกครองในภูมิภาคประกาศในราชกิจจานุเบกษา
ง. ไม่มีข้อใดถูกต้อง
ตอบ ก. ประธานศาลปกครองสูงสุดประกาศในราชกิจจานุเบกษา
ดูคำอธิบายข้อข้างต้น
35. พระราชบัญญัติจัดตั้งศาลปกครองและวิธีพิจารณาคดีปกครอง พ.ศ. ๒๕๔๒ ให้ไว้ ณ เมื่อใด
ก. วันที่ ๕ กันยายน พ.ศ. ๒๕๔๒
ข. วันที่ ๖ กันยายน พ.ศ. ๒๕๔๒
ค. วันที่ ๕ ตุลาคม พ.ศ. ๒๕๔๒
ง. วันที่ ๖ ตุลาคม พ.ศ. ๒๕๔๒
ตอบ ค. วันที่ ๕ ตุลาคม พ.ศ. ๒๕๔๒
ภูมิพลอดุลยเดช ป.ร. ให้ไว้ ณ วันที่ ๕ ตุลาคม พ.ศ. ๒๕๔๒ เป็นปีที่ ๕๔ ในรัชกาลปัจจุบัน
36. ก.ศป. เป็นผู้พิจารณาคัดเลือกบุคคลในตำแหน่งตุลาการในศาลปกครองสูงสุด แล้วเสนอรายชื่อให้นายกรัฐมนตรีและนายกรัฐมนตรีจะนำรายชื่อเสนอขอความเห็นชอบต่อวุฒิสภาภายในกี่วัน
ก. สิบห้าวัน
ข. สามสิบวัน
ค. สี่สิบห้าวัน
ง. หกสิบวัน
ตอบ ก. สิบห้าวัน
มาตรา ๑๕ ให้ ก.ศป. พิจารณาคัดเลือกบุคคลที่มีคุณสมบัติตาม มาตรา ๑๓ และมีความเหมาะสมที่จะแต่งตั้งเป็นตุลาการในศาลปกครองสูงสุด แล้วให้เสนอรายชื่อต่อนายกรัฐมนตรีและให้นายกรัฐมนตรีนำรายชื่อดังกล่าวเสนอขอความเห็นชอบต่อวุฒิสภาภายในสิบห้าวันนับแต่วันที่ได้รับรายชื่อ เมื่อได้รับความเห็นชอบแล้วให้นายกรัฐมนตรีนำความกราบบังคมทูลเพื่อทรงพระกรุณาโปรดเกล้าฯ แต่งตั้ง
ให้ ก.ศป. พิจารณาคัดเลือกตุลาการในศาลปกครองสูงสุดคนหนึ่งเป็นประธานศาลปกครองสูงสุด แล้วให้เสนอชื่อต่อนายกรัฐมนตรีและให้นายกรัฐมนตรีนำเสนอขอความเห็นชอบต่อวุฒิสภาภายในสิบห้าวันนับแต่วันที่ได้รับการเสนอชื่อ เมื่อได้รับความเห็นชอบแล้วให้นายกรัฐมนตรีนำความกราบบังคมทูลเพื่อทรงพระกรุณาโปรดเกล้าฯ แต่งตั้ง
การแต่งตั้งตุลาการในศาลปกครองสูงสุดคนใดให้ดำรงตำแหน่งรองประธานศาลปกครองสูงสุดและตุลาการหัวหน้าคณะศาลปกครองสูงสุด ให้ ก.ศป. พิจารณาคัดเลือกแล้วให้นายกรัฐมนตรีนำความกราบบังคมทูลเพื่อทรงพระกรุณาโปรดเกล้าฯ แต่งตั้งต่อไป
วิธีการคัดเลือกประธานศาลปกครองสูงสุด รองประธานศาลปกครองสูงสุด ตุลาการหัวหน้าคณะศาลปกครองสูงสุด และตุลาการศาลปกครองสูงสุด ให้เป็นไปตามระเบียบที่ ก.ศป. กำหนดโดยความเห็นชอบของที่ประชุมใหญ่ตุลาการในศาลปกครองสูงสุด
37. ก.ศป. อาจมีมติให้ตุลาการศาลปกครองผู้ใดออกจากราชการตามกฎหมายว่าด้วยกองทุนบำเหน็จบำนาญข้าราชการได้ แต่การให้ออกจากราชการเพื่อรับบำเหน็จบำนาญเหตุทดแทนให้ทำได้คือข้อใดต่อไปนี้
ก. มีเรื่องเชิงชู้สาว
ข. ปฏิบัติหน้าที่บกพร่องอย่างร้ายแรง
ค. หยุดงานโดยไม่บอกกล่าว
ง. ขาดงานเกินสามวัน
ตอบ ข. ปฏิบัติหน้าที่บกพร่องอย่างร้ายแรง
มาตรา ๒๒ ตุลาการศาลปกครองต้องประพฤติตนตามวินัยแห่งการเป็นตุลาการศาลปกครองตามที่ ก.ศป. กำหนด
ก.ศป. อาจมีมติให้ตุลาการศาลปกครองผู้ใดออกจากราชการตามกฎหมายว่าด้วยกองทุนบำเหน็จบำนาญข้าราชการได้ในกรณีที่กฎหมายดังกล่าวบัญญัติให้ผู้ถูกสั่งให้ออกมีสิทธิได้รับบำเหน็จบำนาญ แต่การให้ออกจากราชการเพื่อรับนำเหน็จบำนาญเหตุทดแทนให้ทำได้ในกรณีดังต่อไปนี้ด้วย
(๑) ปฏิบัติหน้าที่บกพร่องอย่างร้ายแรงหรือประพฤติตนไม่สมควรตามที่กำหนดในวินัยแห่งการเป็นตุลาการศาลปกครอง
(๒) หย่อนความสามารถในอันที่จะปฏิบัติหน้าที่ราชการ หรือเจ็บป่วยไม่อาจปฏิบัติหน้าที่ราชการได้โดยสม่ำเสมอแต่ไม่ถึงเหตุทุพพลภาพ
(๓) ได้รับโทษจำคุกโดยคำพิพากษาถึงที่สุดให้จำคุกในความผิดอันได้กระทำโดยประมาทหรือความผิดลหุโทษ
(๔) มีกรณีตาม มาตรา ๒๑ (๔) (๕) (๖) หรือ (๗)
38. ถ้าผู้ฟ้องคดีได้รับคำสั่งจากศาลปกครองให้มาแสดงพยานหลักฐาน แล้วไม่ดำเนินการตามคำสั่งนั้นภายในระยะเวลาที่กำหนด จะมีผลเป็นเช่นไร
ก. ศาลปกครองจะสั่งให้จำเลยมาให้ถ้อยคำ
ข. ศาลปกครองจะสั่งให้จำเลยเป็นผู้ชนะคดี
ค. ศาลปกครองจะสั่งให้ผู้ฟ้องคดีให้มาแสดงพยานหลักฐานใหม่
ง. ศาลปกครองจะสั่งให้จำหน่ายคดี
ตอบ ง. ศาลปกครองจะสั่งให้จำหน่ายคดี
มาตรา ๖๒ ถ้าผู้ฟ้องคดีได้รับคำสั่งจากศาลปกครองให้มาให้ถ้อยคำหรือแสดงพยานหลักฐาน แล้วไม่ดำเนินการตามคำสั่งนั้นภายในระยะเวลาที่ศาลปกครองกำหนดโดยไม่มีเหตุผลอันสมควร ศาลปกครองจะสั่งให้จำหน่ายคดีเสียก็ได้
คดีที่ศาลปกครองได้สั่งจำหน่ายตามวรรคหนึ่ง ถ้าภายในเก้าสิบวันนับแต่วันที่ศาลปกครองมีคำสั่งให้จำหน่ายคดี ผู้ฟ้องคดีแสดงให้เป็นที่พอใจแก่ศาลปกครองได้ว่าการที่ตนไม่สามารถปฏิบัติตามคำสั่งของศาลปกครองได้นั้น เป็นเพราะเหตุสุดวิสัยหรือมีเหตุอันสมควร ศาลปกครองจะอนุญาตให้พิจารณาใหม่หรือฟ้องคดีใหม่ก็ได้
39. บุคคลใดเป็นผู้ตรวจสอบรับรองบัญชีและการเงินทุกประเภทของศาลปกครอง
ก. กระทรวงการคลัง
ข. กรมสรรพากร
ค. สำนักงานตรวจเงินแผ่นดิน
ง. สำนักงานตรวจเงินแห่งชาติ
ตอบ ค. สำนักงานตรวจเงินแผ่นดิน
มาตรา ๙๐ เมื่อสำนักงานตรวจเงินแผ่นดินได้ทำการตรวจสอบรับรองบัญชีและการเงินทุกประเภทของศาลปกครองและสำนักงานศาลปกครองแล้ว ให้เสนอผลการสอบบัญชีโดยตรงต่อสภาผู้แทนราษฎร วุฒิสภา และคณะรัฐมนตรี โดยไม่ชักช้า
40. ในการพิพากษาคดี ศาลปกครองมีอำนาจบังคับในเรื่องใด
ก. สั่งให้คู่กรณีทั้งสองฝ่ายไกล่เกลี่ยยอมความ ในกรณีคำฟ้องที่มิใช่เรื่องของการละเมิดทรัพย์สินส่วนบุคคล
ข. สั่งให้ใช้เงินแก่คู่กรณี ในกรณีที่มีการฟ้องคู่กรณีทำการละเมิดทรัพย์สินส่วนบุคคล
ค. สั่งให้เพิกถอนกฎทั้งหมด ในกรณีที่มีการฟ้องหน่วยงานปกครองกระทำโดยไม่ชอบด้วยกฎหมาย
ง. สั่งให้เพิกถอนคดีทั้งหมด ในกรณีที่มีการฟ้องหน่วยงานปกครองกระทำโดยไม่ชอบด้วยกฎหมาย
ตอบ ค. สั่งให้เพิกถอนกฎทั้งหมด ในกรณีที่มีการฟ้องหน่วยงานปกครองกระทำโดยไม่ชอบด้วยกฎหมาย
มาตรา ๗๒ ในการพิพากษาคดี ศาลปกครองมีอำนาจกำหนดคำบังคับอย่างหนึ่งอย่างใด ดังต่อไปนี้
(๑) สั่งให้เพิกถอนกฎหรือคำสั่งหรือสั่งห้ามการกระทำทั้งหมดหรือบางส่วน ในกรณีที่มีการฟ้องว่าหน่วยงานทางปกครองหรือเจ้าหน้าที่ของรัฐกระทำการโดยไม่ชอบด้วยกฎหมายตาม มาตรา ๙ วรรคหนึ่ง (๑)
(๒) สั่งให้หัวหน้าหน่วยงานทางปกครองหรือเจ้าหน้าที่ของรัฐที่เกี่ยวข้องปฏิบัติตามหน้าที่ภายในเวลาที่ศาลปกครองกำหนด ในกรณีที่มีการฟ้องว่าหน่วยงานทางปกครอง หรือเจ้าหน้าที่ของรัฐละเลยต่อหน้าที่หรือปฏิบัติหน้าที่ล่าช้าเกินสมควร
(๓) สั่งให้ใช้เงินหรือให้ส่งมอบทรัพย์สินหรือให้กระทำการหรืองดเว้นกระทำการโดยจะกำหนดระยะเวลาและเงื่อนไขอื่นๆ ไว้ด้วยก็ได้ ในกรณีที่มีการฟ้องเกี่ยวกับการกระทำละเมิดหรือความรับผิดของหน่วยงานทางปกครองหรือเจ้าหน้าที่ของรัฐหรือการฟ้องเกี่ยวกับสัญญาทางปกครอง
(๔) สั่งให้ถือปฏิบัติต่อสิทธิหรือหน้าที่ของบุคคลที่เกี่ยวข้อง ในกรณีที่มีการฟ้องให้ศาลมีคำพิพากษาแสดงความเป็นอยู่ของสิทธิหรือหน้าที่นั้น
(๕) สั่งให้บุคคลกระทำหรือละเว้นกระทำอย่างหนึ่งอย่างใดเพื่อให้เป็นไปตามกฎหมาย
ในการมีคำบังคับตามวรรคหนึ่ง (๑) ศาลปกครองมีอำนาจกำหนดว่าจะให้มีผลย้อนหลังหรือไม่ย้อนหลังหรือมีผลไปในอนาคตถึงขณะใดขณะหนึ่งได้ หรือจะกำหนดให้มีเงื่อนไขอย่างใดก็ได้ ทั้งนี้ ตามความเป็นธรรมแห่งกรณี
41. พนักงานคดีปกครองทำหน้าที่ในข้อใด
ก. ช่วยเหลือตุลาการเจ้าของสำนวน
ข. ช่วยเหลือศาลปกครองสูงสุด
ค. ช่วยเหลือศาลปกครองชั้นต้น
ง. ช่วยเหลือสำนักงานศาลปกครอง
ตอบ ก. ช่วยเหลือตุลาการเจ้าของสำนวน
มาตรา ๗๙ ให้มีพนักงานคดีปกครองทำหน้าที่ช่วยเหลือตุลาการเจ้าของสำนวนในการดำเนินคดีปกครองตามที่ตุลาการเจ้าของสำนวนมอบหมาย และปฏิบัติหน้าที่อื่นในสำนักงานศาลปกครองตามที่เลขาธิการสำนักงานศาลปกครองมอบหมาย
ในการปฏิบัติหน้าที่เกี่ยวกับการดำเนินคดีปกครองตามที่ตุลาการเจ้าของสำนวนมอบหมายให้พนักงานคดีปกครองเป็นเจ้าพนักงานในตำแหน่งพนักงานสอบสวนตามประมวลกฎหมายอาญา
42. บุคคลใดเป็นผู้สั่งบรรจุและแต่งตั้งตำแหน่งเลขาธิการสำนักงานศาลปกครอง
ก. นายกรัฐมนตรี
ข. สำนักงานศาลปกครอง
ค. เลขาธิการสำนักงานศาลปกครอง
ง. ประธานศาลปกครองสูงสุด
ตอบ ง. ประธานศาลปกครองสูงสุด
มาตรา ๘๗ การบรรจุบุคคลเข้ารับราชการเป็นข้าราชการฝ่ายศาลปกครองและการแต่งตั้งให้ดำรงตำแหน่ง ให้ผู้มีอำนาจดังต่อไปนี้เป็นผู้สั่งบรรจุและแต่งตั้ง
(๑) การบรรจุและแต่งตั้งรองเลขาธิการสำนักงานศาลปกครอง ให้ประธานศาลปกครองสูงสุดคัดเลือกบุคคลที่เหมาะสมจะดำรงตำแหน่ง โดยความเห็นชอบของ ก.ศป. เสนอต่อนายกรัฐมนตรีและให้นายกรัฐมนตรีนำความกราบบังคมทูลเพื่อทรงพระกรุณาโปรดเกล้าฯ แต่งตั้งต่อไป
(๒) การบรรจุและแต่งตั้งให้ดำรงตำแหน่งอื่นนอกจา (๑) ให้เลขาธิการสำนักงานศาลปกครองเป็นผู้มีอำนาจสั่งบรรจุและแต่งตั้ง
43. คุณสมบัติของตุลาการในศาลปกครองชั้นต้นคือข้อใด
ก. เคยเป็นผู้ประกอบวิชาชีพทนายความไม่น้อยกว่ายี่สิบปี
ข. สำเร็จการศึกษาระดับปริญญาโทสาขากฎหมายมหาชน
ค. เคยรับราชการไม่น้อยกว่าห้าปีในตำแหน่งอัยการจังหวัด
ง. มีอายุไม่ต่ำกว่าสามสิบปี
ตอบ ข. สำเร็จการศึกษาระดับปริญญาโทสาขากฎหมายมหาชน
มาตรา ๑๘ ผู้ที่จะได้รับแต่ตั้งเป็นตุลาการในศาลปกครองชั้นต้นต้องมีคุณสมบัติ ดังต่อไปนี้
(๑) มีสัญชาติไทย
(๒) มีอายุไม่ต่ำกว่าสามสิบห้าปี
(๓) เป็นผู้ทรงคุณวุฒิในสาขานิติศาสตร์ รัฐศาสตร์ รัฐประศาสตร์ เศรษฐศาสตร์ สังคมศาสตร์ หรือในการบริการาชการแผ่นดิน ทั้งนี้ ตามหลักเกณฑ์ที่ ก.ศป. กำหนด และ
(๔) มีคุณสมบัติอื่นอย่างหนึ่งอย่างใด ดังต่อไปนี้
(ก) รับราชการหรือเคยรับราชการเป็นพนักงานผู้รับผิดชอบสำนวน หรือเลขานุการกรรมการร่างกฎหมายในสำนักงานคณะกรรมการกฤษฎีกาไม่น้อยกว่าสามปี
(ข) รับราชการหรือเคยรับราชการไม่น้อยกว่าสามปีในตำแหน่งพนักงานคดีปกครองในระดับที่ ก.ศป. กำหนด
(ค) รับราชการหรือเคยรับราชการไม่น้อยกว่าสามปีในตำแหน่งไม่ต่ำกว่าผู้พิพากษาศาลแพ่งหรือศาลอาญาหรือเทียบเท่า หรือตุลาการพระธรรมนูญศาลทหารกลาง
(ง) รับราชการหรือเคยรับราชการไม่น้อยกว่าสามปีในตำแหน่งอัยการจังหวัดหรือเทียบเท่า
(จ) รับราชการหรือเคยรับราชการไม่น้อยกว่าสามปีในตำแหน่งไม่ต่ำกว่าข้าราชการพลเรือนระดับ ๘ หรือตำแหน่งอื่นในหน่วยงานของรัฐที่เทียบเท่า ทั้งนี้ ตามที่ ก.ศป. ประกาศกำหนด
(ฉ) เป็นหรือเคยเป็นผู้สอนวิชาในสาขานิติศาสตร์ รัฐศาสตร์ รัฐประศาสนศาสตร์ เศรษฐศาสตร์ สังคมศาสตร์ หรือวิชาที่เกี่ยวกับการบริหารราชการแผ่นดินในสถาบันอุดมศึกษา และดำรงตำแหน่งหรือเคยดำรงตำแหน่งไม่ต่ำกว่ารองศาสตราจารย์หรือรองศาสตราจารย์พิเศษไม่น้อยกว่าสามปี
(ช) สำเร็จการศึกษาระดับปริญญาโทสาขากฎหมายมหาชนและรับราชการในหน่วยงานของรัฐนับแต่สำเร็จการศึกษาระดับดังกล่าวไม่น้อยกว่าสิบปี หรือสำเร็จการศึกษาระดับปริญญาเอกสาขากฎหมายมหาชนและรับราชการในหน่วยงานของรัฐนับแต่สำเร็จการศึกษาระดับดังกล่าวไม่น้อยกว่าหกปี
(ซ) เป็นหรือเคยเป็นผู้ประกอบวิชาชีพทนายความไม่น้อยกว่าสิบสองปี และมีประสบการณ์ในคดีปกครองตามหลักเกณฑ์ที่ ก.ศป. ประกาศกำหนด
ให้นำความใน มาตรา ๑๔ และ มาตรา ๑๖ มาใช้บังคับแก่ตุลาการในศาลปกครองชั้นต้นโดยอนุโลม
44. ศาลปกครองสูงสุดมีอำนาจพิจารณาพิพากษาคดีใดต่อไปนี้
ก. คดีที่มีกฎหมายกำหนดให้อยู่ในอำนาจศาลปกครองสูงสุด
ข. คดีพิพาทเกี่ยวกับสัญญาทางปกครอง
ค. คดีที่มีกฎหมายกำหนดให้หน่วยงานทางปกครอง
ง. คดีพิพาทเกี่ยวกับการที่หน่วยงานทางปกครองละเลยหน้าที่
ตอบ ก. คดีที่มีกฎหมายกำหนดให้อยู่ในอำนาจศาลปกครองสูงสุด
มาตรา ๑๑ ศาลปกครองสูงสุดมีอำนาจพิจารณาพิพากษาคดี ดังต่อไปนี้
(๑) คดีพิพากเกี่ยวกับคำวินิจฉัยของคณะกรรมการวินิจฉัยข้อพิพาทตามที่ประชุมใหญ่ตุลาการในศาลปกครองสูงสุดประกาศกำหนด
(๒) คดีพิพากษาเกี่ยวกับความชอบด้วยกฎหมายของพระราชกฤษฎีกา หรือกฎที่ออกโดยคณะรัฐมนตรี หรือโดยความเห็นชอบของคณะรัฐมนตรี
(๓) คดีที่มีกฎหมายกำหนดให้อยู่ในอำนาจศาลปกครองสูงสุด
(๔) คดีที่อุทธรณ์คำพิพากษาหรือคำสั่งของศาลปกครองชั้นต้น
45. การคัดค้านคำพิพากษาหรือคำสั่งของศาลปกครองชั้นต้น จะต้องยื่นอุทธรณ์ต่อศาลปกครองชั้นต้นภายในระยะกี่วัน
ก. สิบวัน
ข. ยี่สิบวัน
ค. สามสิบวัน
ง. สี่สิบวัน
ตอบ ค. สามสิบวัน
มาตรา ๗๓ การคัดค้านคำพิพากษาหรือคำสั่งของศาลปกครองชั้นต้นนั้น ให้ยื่นอุทธรณ์ต่อศาลปกครองชั้นต้นที่มี่คำพิพากษาหรือคำสั่งภายในกำหนดสามสิบวันนับแต่วันที่ได้มีคำพิพากษาหรือคำสั่ง ถ้ามิได้ยื่นอุทธรณ์ตามกำหนดเวลาดังกล่าว ให้ถือว่าคดีนั้นเป็นอันถึงที่สุด
คำพิพากษาหรือคำสั่งตามวรรคหนึ่งให้หมายความรวมถึง คำสั่งเกี่ยวกับการละเมิดอำนาจศาลหรือคำสั่งอื่นใดที่ทำให้คดีเสร็จเด็ดขาด
ในกรณีที่ศาลปกครองสูงสุดเห็นว่าคำอุทธรณ์ใดมีข้อเท็จจริงหรือข้อกฎหมายที่ไม่เป็นสาระอันควรได้รับการวินิจฉัย ศาลปกครองสูงสุดจะสั่งไม่รับอุทธรณ์นั้นไว้พิจารณาก็ได้
คำพิพากษาหรือคำสั่งของศาลปกครองสูงสุดให้เป็นที่สุด
46. ข้อใดกล่าวถูกต้อง
ก. ผู้ใดวิจารณ์การพิพากษาคดีโดยสุจริต ผู้นั้นไม่มีความผิดฐานละเมิดอำนาจศาล
ข. การละเมิดอำนาจศาลให้ศาลปกครองมีอำนาจสั่งลงโทษจำคุกไม่เกินสองเดือน
ค. สำนักงานศาลปกครองมีหน้าที่รับผิดชอบงานธุรการของศาลปกครองสูงสุด
ง. ประธานศาลปกครองเป็นผู้รักษาการตามพระราชบัญญัตินี้
ตอบ ก. ผู้ใดวิจารณ์การพิพากษาคดีโดยสุจริต ผู้นั้นไม่มีความผิดฐานละเมิดอำนาจศาล
มาตรา ๖๕ ผู้ใดวิจารณ์การพิจารณาหรือการพิพากษาคดีของศาลปกครอง โดยสุจริตด้วยวิธีการทางวิชาการ ผู้นั้นไม่มีความผิดฐานละเมิดอำนาจศาล หรือดูหมิ่นศาล หรือตุลาการ
47. คณะกรรมการคัดเลือกตุลาการในศาลปกครองสูงสุดจะต้องคัดเลือกบุคคลผู้มีคุณสมบัติ มีความรู้ความสามารถและความประพฤติเหมาะสมที่จะแต่งตั้งให้เป็นตุลากรในศาลปกครองสูงสุดได้ไม่เกินกี่คน
ก. ยี่สิบเอ็ดคน
ข. ยี่สิบสามคน
ค. ยี่สิบห้าคน
ง. ยี่สิบเจ็ดคน
ตอบ ข. ยี่สิบสามคน
มาตรา ๙๘ ให้คณะกรรมการคัดเลือกตุลากรในศาลปกครองสูงสุดคัดเลือกบุคคลผู้มีคุณสมบัติตามพระราชบัญญัตินี้และมีความรู้ความสามารถและความประพฤติเหมาะสมที่จะแต่งตั้งเป็นตุลาการในศาลปกครองสูงสุดไม่เกินยี่สิบสามคน และให้นำความใน มาตรา ๑๕ วรรคหนึ่ง มาใช้บังคับโดยอนุโลม ทั้งนี้ ต้องดำเนินการให้แล้วเสร็จภายในหกสิบวันนับแต่วันที่พระราชบัญญัตินี้ใช้บังคับ
ให้คณะกรรมการคัดเลือกตุลาการในศาลปกครองสูงสุดจัดทำบัญชีรายชื่อบุคคลที่จะคัดเลือกจากผู้ที่สนใจสมัครและผู้ที่สถาบันหรือองค์กรที่เกี่ยวข้องกับผู้ที่มีคุณสมบัติตาม มาตรา ๑๓ (๔) เสนอขึ้น และให้บุคคลดังกล่าวแสดงหลักฐานผลงานทางวิชาการหรือทางประสบการณ์ที่บ่งชี้ถึงความรู้ความสามารถที่เหมาะสมสำหรับตำแหน่งตุลาการในศาลปกครองสูงสุดเพื่อสรรหาบุคคลที่มีความรู้ความสามารถเหมาะสมที่สุดตามจำนวนที่กำหนดในวรรคหนึ่ง ในการนี้ให้เปิดเผยบัญชีรายชื่อบุคคลที่จะคัดเลือกและรายชื่อบุคคลที่ได้รับการคัดเลือกให้ทราบทั่วไป และเชิญชวนให้บุคคลในวงการกฎหมายและการบริหารราชการแผ่นดินให้ข้อคิดเห็นและนำมาพิจารณาก่อนนำรายชื่อผู้ที่ได้รับการเลือกในชั้นที่สุดเสนอต่อนายกรัฐมนตรีเพื่อดำเนินการต่อไป
48. ลักษณะต้องห้ามของตุลาการในศาลปกครองสูงสุดคือข้อใด
ก. เป็นข้าราชการอื่นซึ่งมีตำแหน่งหรือเงินเดือนประจำ
ข. เป็นผู้ดำรงตำแหน่งในทางการเมือง
ค. เป็นพนักงานหรือลูกจ้างของหน่วยงานของรัฐ
ง. ถูกทุกข้อ
ตอบ ง. ถูกทุกข้อ
มาตรา ๑๔ ตุลาการในศาลปกครองสูงสุดต้องไม่มีลักษณะต้องห้ามในขณะดำรงตำแหน่ง ดังต่อไปนี้
(๑) เป็นข้าราชการอื่นซึ่งมีตำแหน่งหรือเงินเดือนประจำ
(๒) เป็นพนักงานหรือลูกจ้างของหน่วยงานของรัฐหรือบุคคลใด
(๓) เป็นผู้ดำรงตำแหน่งในทางการเมือง สมาชิกสภาท้องถิ่น ผู้บริหารท้องถิ่นกรรมการหรือผู้ดำรงตำแหน่งที่รับผิดชอบในการบริหารพรรคการเมือง สมาชิกพรรคการเมืองหรือเจ้าหน้าที่ในพรรคการเมือง
(๔) เป็นกรรมการในรัฐวิสาหกิจ
(๕) เป็นกรรมการในหน่วยงานของรัฐ เว้นแต่จะได้รับอนุมัติจาก ก.ศป.
(๖) เป็นกรรมการ ผู้จัดการ หรือที่ปรึกษา หรือดำรงตำแหน่งอื่นใดที่มีลักษณะงานคล้ายกันในห้างหุ้นส่วนบริษัท
(๗) เป็นทนายความหรือประกอบอาชีพหรือวิชาชีพอย่างอื่นหรือดำรงตำแหน่งหรือประการใดๆ อันขัดต่อการปฏิบัติหน้าที่ตามระเบียบที่ ก.ศป. กำหนด
49. หมวดใดต่อไปนี้ไม่ได้อยู่ในหมวดของพระราชบัญญัติจัดตั้งศาลปกครองและวิธีพิจารณาคดีปกครอง พ.ศ. ๒๕๔๒
ก. สำนักงานศาลปกครอง
ข. คณะกรรมการตุลาการศาลปกครอง
ค. การดำเนินคดีปกครอง
ง. การจัดตั้งและเขตอำนาจศาลปกครอง
ตอบ ค. การดำเนินคดีปกครอง
หมวด ๑ การจัดตั้งและเขตอำนาจศาลปกครอง
หมวด ๒ ตุลาการศาลปกครอง
หมวด ๓ คณะกรรมการตุลาการศาลปกครอง
หมวด ๔ วิธีพิจารณาคดีปกครอง
ส่วนที่ ๑ การฟ้องคดีปกครอง
ส่วนที่ ๒ การดำเนินคดีปกครอง
ส่วนที่ ๓ คำพิพากษาหรือคำสั่งคดีปกครอง
หมวด ๕ สำนักงานศาลปกครอง
50. ศาลปกครองชั้นต้นมีอำนาจพิจารณาพิพากษาคดีที่อยู่ในอำนาจของศาลใด
ก. ศาลปกครองสูงสุด
ข. ศาลปกครองกลาง
ค. ศาลปกครองในภูมิภาค
ง. ศาลปกครอง
ตอบ ง. ศาลปกครอง
มาตรา ๑๐ ศาลปกครองชั้นต้นมีอำนาจพิจารณาพิพากษาคดีที่อยู่ในอำนาจศาลปกครอง เว้นแต่คดีที่อยู่ในอำนาจพิพากษาของศาลปกครองสูงสุด